วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

การเข้าใจผู้เรียนและการเรียนรู้

ผู้เรียน เรียนร้ไูด้อย่างไร เป็นคา ถามท่ผีู้สอนมักสงสยั การเรียนการสอนหน่ึงๆน้ัน เม่ือจบช่ัวโมงสอนแล้ว มิได้หมายความว่าผู้เรียนได้เรียนร้ใูนส่งิท่ผีู้สอนได้สอนท้งัหมด ผู้สอนได้สอนครบเน้ือหาตามช่ัวโมงท่ไีด้มอบหมาย ให้สอนเรียบร้อยแล้ว แต่บางครั้งผู้เรียนได้เรียนรู้น้อยมาก หรืออาจไม่เกิดการเรียนรู้เลย ไม่ได้รับรู้ว่าครูได้สอน อะไรบ้าง บางครั้งผู้เรียนไม่ได้อยากเรียนแต่ต้องเข้าเรียนเนื่องจากมีการตรวจสอบรายชื่อซึ่งมีผลต่อคะแนนเจตคติ จึงมักพบเสมอๆว่า ผู้สอนได้สอนไป ส่วนผู้เรียนก็นั่งท างานอื่นๆไปหรือเล่นเกมส์ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือพูดคุยกัน ผ่านเครือข่ายสังคมฯ โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ดังนั้นการเข้าใจหลักการเรียนรู้ของผู้เรียน อาจ ทา ให้ผู้สอนสามารถสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในส่ิงท่ผีู้สอนก าลังต้องการสอนได้มากขึ้น และอาจท าให้ผู้เรียน เรียนรู้เรื่องมากขึ้นและอยากติดตามการสอนของผู้สอนได้ 1. แนวคิดการเรียนรู้ของเพียเจต์ เพียเจต์ได้ศึกษาเก่ยีวกบัเร่ือง "คนเราคิดได้อย่างไร"
1. แนวคิดการเรียนรู้ของเพียเจต์ เพียเจต์ได้ศึกษาเก่ยีวกบัเร่ือง "คนเราคิดได้อย่างไร" เรียนร้ทู ่จีะคดิ แก้ปัญหาได้อย่างไร ซ่ึงพบว่า ผู้เรียน จะสามารถเรียนรู้ได้เมื่อเผชิญปัญหาหรือประสบการณ์ตรงท่ตี นเองเก่ยีวข้อง (ดูหัวข้อ6บทท่ี4) และประสบการณ์ ของผู้เรียนอย่างหลากหลายจะสามารถช่วยให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทางสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น การเรียนรู้โดยการเผชิญ ประสบการณ์หมายถึง ผู้เรียนจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเร้าและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะเป็นวัตถุ สิ่งของ ปรากฏการณ์ หรือปัญหาต่างๆ แล้วสามารถใช้ความคิดและประสบการณ์เดิมของตนเองจัดกระท า แก้ปัญหาเหล่านั้นได้โดยใช้ โครงสร้างสติปัญญาหรือโครงสร้างความรู้ ซึ่งหมายถึง เคร่ืองมือหรือโปรแกรมทางสติปัญญาท่ชี่วยให้คิดแก้ปัญหา ได้ท่เดิม ี อาจมีอยู่แล้วหรือสร้างขึ้นใหม่เพื่อปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล โดยใช้กระบวนการท่เีรียกว่า การดูดซับ และการปรับให้เหมาะหรือการปรุงแต่ง (assimilation and accommodation) (ดูหัวข้อ1.2 บทท่3ี) นอกจากนี้เพีย เจตย์ ังให้ข้อคดิเก่ยีวกบัลักษณะความสามารถทางสตปิัญญาของวยัร่นุ ไว้ดงัน้ี(Inhelder and Piaget, 1958 อ้างถึงใน กิ่งฟ้ า สินธุวงษ์, 2537) 1)มีความคิดยึดหยุ่น เพราะมีความสามารถในการคิดได้หลายทาง มองปรากฏการณ์ได้ หลายแง่มุม 2)ไม่สบัสนต่อเร่ืองท่ีมีหลายตัวแปร เพราะมองเห็นแนวทางของการเกิดปรากฏการณ์หรือปัญหาได้ หลายลักษณะ 3)สามารถคิดแปรกลับไปมาได้ คิดย้อนไปยังเรื่องราวแต่หนหลัง เพื่อมาใช้เป็นพื้นฐานประกอบกับ การแก้ปัญหาได้4)มพี ัฒนาการของความคดิเป็นระบบ สามารถคดิวิเคราะห์สงัเคราะห์และสรปุ ผลของส่งิท่เีกดิข้ึน จากการทดสอบหรือทดลองได้อย่างสอดคล้องกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้(30600303)  โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา  ธงพานิช สาขาหลักสูตรและน...