วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561

สัปดาห์ที่5 เทคนิคการสอนแบบผึ้งแตกรัง

เทคนิคการสอนแบบ...ผึ้งแตกรัง
          ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบเทคนิคผึ้งแตกรัง มีดังต่อไปนี้
เทคนิคผึ้งแตกรังเป็นเทคนิคการสอนในรูปแบบการจัดกิจกรรมโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
1)ครูเลือกเนื้อหาหน่วยการเรียนรู้ และจัดแบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยย่อยๆ
2) ครูจัดเนื้อหาการเรียนรู้ เอาไว้ที่ตามจุดต่างๆ
3) แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ โดยให้คละเด็กเก่ง ปานกลาง อ่อน อยู่ด้วยกัน
4) ให้แต่ละกลุ่มวางแผน และมอบหมายงานให้เพื่อนสมาชิกรับผิดชอบในการศึกษาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆตามหัวข้อที่ได้ทำการแบ่ง
5) จากนั้นให้ตัวแทนของกลุ่มไป ศึกษาความรู้ตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมายจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆที่ครู
กำหนดให้
6)ให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มที่ได้หัวข้อเรื่องเดียวกันไปศึกษาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆและร่วมกันระดมความคิดจัดทำ
แผนผังความคิดเพื่อนำมาสรุปสาระสำคัญ
7)จากนั้นให้ตัวแทนกลุ่มกลับไปสู่กลุ่มเดิมและนำเอาแผนผังความคิด สรุปสาระสำคัญมาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง
8)ให้สมาชิกในกลุ่มตั้งคำถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
9)ให้ทุกกลุ่มระดมความคิดและร่วมกันหาคำตอบกันภายในกลุ่ม เพื่อทบทวนและทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
10.)ให้แต่ละกลุ่มนำคำถามของกลุ่มตนเองไปแลกเปลี่ยนคำถามกับกลุ่มอื่น และระดมความคิดร่วมกันหาคำตอบ

กลุ่ม1



คำอธิบาย
1.1วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา(Problem-Solving Method)
          วิธีการสอนนี้ จอห์น ดิวอี้ (Jonh Dewey) เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา โดยอาศัยวิธีการสอนวิธีการแก้ปัญหาโดยการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์(Scientific Method)
1.2วิธีการสอนแบบแสดงบทบาท(Role Playing)
         เป็นการสอนที่กำหนดให้ผู้เรียน แสดงบทบาทตามสมมติขึ้นเทียบเคียงกับสภาพที่เป็นจริง           การแสดงบทบาทสมมติจะช่วยให้เกิดความสนใจ ฝึกความกล้าที่จะแสดงออก
1.3วิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์(Scientific Method)
        เป็นการสอนโดยนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้เป็นโอกาสให้นักเรียนได้ค้นพบวิธีแก้ปัญหาและวิธีการแก้ไขด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้ง5ขั้น
1.4วิธีการสอนตามขั้นที่4ของอริยสัจ4(Buddist’s Method )
       ขั้นต่างๆ ของอริยสัจสี่ = ขั้นต่างๆ ของวิธีการแก้ปัญหา หรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ Reflective Thinking
        ทุกข์ = กําหนดปัญหา
        สมุทัย = การตั้งสมมติฐาน
        นิโรธ = การทดลองและเก็บข้อมูล
        มรรค = การวิเคราะห์ข้อมูล การสรุป 
1.5วิธีการสอนแบบทดลอง(The Laboratory Method)
           วิธีการสอนแบบทดลอง มีลักษณะคล้ายกับวิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์ แต่มี การปรับปรุงหลักการบางส่วนเพื่อความเหมาะสมกับการเรียนวิชาอื่นๆ เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์
1.6วิธีการสอนแบบอภิปราย(Discussion Method)
          วิธีการสอนแบบอภิปรายเป็นการสอนแบบการเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
 1.7วิธีการสอนแบบจุลภาค(Micro-Teaching)
          เป็นสอนในห้องเรียน แบบง่ายๆ กับนักเรียน 5-6 คน ใช้เวลา 5-15 นาที  ก่อนนําไปใช้จริงในชั้นเรียน การสอนวิธีนี้จึงเป็นการสอนแบบย่นย่อทั้งเวลา ขนาดของชิ้นงาน และทักษะ
1.8วิธีการสอนแบบโครงการ(Project Method)
         เป็นการสอนที่ให้นักเรียนเป็นหมู่หรือรายบุคคลได้วางโครงการและดำเนินงานให้สำเร็จกับโครงการนั้น ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง
1.9วิธีการสอนแบบหน่วย(Unit  Teaching  Method)
         วิธีสอนแบบหน่วยเป็นวิธีการสอนที่นําเนื้อหาวิชาหลายวิชามาสัมพันธ์กัน โดยไม่กําหนดขอบเขตของวิชา แต่ยึดความมุ่งหมายของบทเรียนที่เรียกว่า “หน่วย” โดยไม่ยึดขอบเขตรายวิชาแต่ถือเอาความมุ่งหมายของหน่วยเป็นหลัก
1.10วิธีการสอนแบบศูนย์การเรียน(Learning Center)
         เป็นการเรียนรู้จากการประกอบกิจกรรมของนักเรียนโดยแบ่งบทเรียนออกเป็น 4 - 6 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมี สื่อการเรียนที่จัดไว้ในซองหรือในกล่องวางบนโต๊ะเป็นศูนย์กิจกรรม แต่ละกลุ่มหมุนเวียนกัน ประกอบกิจกรรมตามศูนย์ต่างๆ
1.11วิธีการสอนโดยใช้บทเรียนแบบโปรแกรม(Programmed Instruction)
         วิธีการสอนโดยใช้บทเรียนแบบโปรแกรม หมายถึง สื่อการเรียนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสามารถของแต่ละบุคคล โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นหลายๆ กรอบ แต่ละ กรอบจะมีเนื้อหาเฉพาะแบบฝึกให้ทําพร้อมเฉลยคําตอบ
1.12บทเรียนโมดูล (Module)
        บทเรียนโมดูลเป็นบทเรียนหน่วยหนึ่ง ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษา เพื่อให้เกิด การเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของบทเรียนที่สร้างขึ้น
1.13 คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)
        เป็นการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการเรียนการสอน
1.14การสอนซ่อมเสริม
        หมายถึง การจัดการเรียนเพิ่มเติมให้แก่นักเรียนที่มีระดับสติปัญญาต่ำ เรียนไม่ทันเพื่อน ขาดความคิดรวบยอดหรือจัดการเรียนเพิ่มแก่นักเรียนที่เก่งฉลาด เพื่อได้รับความรู้เพิ่มขึ้น
1.15หมวกแห่งความคิด(The Six Thinking Hats)
            มีทั้งหมด6สี ดังนี้
-หมวกสีขาว แสดงถึงข้อเท็จจริง ข้อมูล ตัวเลข ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับไม่มีการโต้แย้ง
-หมวกสีแดง แทนอารมณ์ความรู้สึกและการหยั่งรู้
-หมวกสีดำ แทนความคิดในทางลบ จุดด้อย ข้อผิดพลาด
-หมวกสีเหลือง แทนสิ่งที่ถูกต้อง สร้างสรรค์ สนับสนุน ให้กำลังใจ
-หมวกสีเขียว แทนการเจริญเติบโต คุณค่าทางความคิด
-หมวกสีน้ำเงิน แทนการควบคุม ควบคุมบทบาทสมาชิกในกลุ่ม
1.16การสอนแบบ4MAT
              มีขั้นตอน
        ขั้นที่ 1 Why (ทําไม) เพื่อตั้งคําถาม กระตุ้นให้เด็กสนใจในเรื่องที่เรียน
        ขั้นที่ 2 What (อะไร) เป็นการอธิบายความเข้าใจการจัดการศึกษาด้วยตนเอง
        ขั้นที่ 3 How (ทําอย่างไร) เป็นการนําไปปฏิบัติการนําไปใช้
        ขั้นที่ 4 If (ถ้า...) เป็นการกระตุ้น 
1.17แผนการสอนแบบCIPPA
            เป็นแผนการสอนที่ใช้กิจกรรมที่เน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง 5 ด้าน ได้แก่
        1. Construct  ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
        2. Interaction การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี
        3. Physical Participation การมีส่วนร่วมทางกาย
        4. Process Learning การเรียนรู้กระบวนการ
        5. Application การนําความรู้ไป
 1.18วิธีการสอนแบบStoryline
             เป็นการสอนแบบบูรณาการโดยการดึงเอาแนวคิดจากวิชาต่างๆ โดยใช้กระบวนการหลากหลายมาแก้ปัญหา และกิจ
กรรมหลายๆรูปแบบ โดยให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเองและตอบสนองความแตกต่าง ของผู้เรียน

กลุ่ม2






คำอธิบาย
รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
1. กระบวนการสืบค้น 
2. การเรียนรู้แบบค้นพบ 
3. การเรียนรู้แบบแก้ปัญหา
4. การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด
5. การตั้งคำถาม
6. การศึกษาเป็นรายบุคคล
7. การจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยี
8. การอภิปรายกลุ่มใหญ่
9. การอภิปรายกลุ่มย่อย
10. การฝึกปฏิบัติการ
11. เกม
12. กรณีศึกษา
13. สถานการณ์จำลอง
14. ละคร
15. บทบาทสมมติ
16. การเรียนแบบร่วมมือ
17. การเรียนรู้แบบมีส่วนรวม
18. การเรียนการสอนแบบบูรณาการ

กลุ่ม3




คำอธิบาย
เทคนิควิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อนำไปสู่การจดการเรียนการสอน

วิธีการสอน
1. วิธีการสอนแบบบทบาทlสมมติ (Role Playing)
2. วิธีการสอนโดยกรณีศึกษา (Case Study)
3. วิธีสอนโดยใช้เกม (Game)
4. วิธีการสอนแบบสถานการณ์จำลอง (Simulation)
5. วิธีการสอนโดยการทดลอง (Experiment)
6. วิธีการสอนโดยใช้การนิรนัย (Deduction)
7. วิธีการสอนโดยใช้การอุปนัย 
Induction)
เทคนิคการสอน
1. สอนแบบเกม
เทคนิคการตั้งคำถาม
เทคนิคผังกราฟิก
เทคนิค KWL
2. สอนแบบบรรยาย
เทคนิคการตั้งคำถาม
เทคนิคผังกราฟิก
เทคนิค KWL
เทคนิคการใช้เกม


กลุ่ม4



คำอธิบาย
เทคนิคการใช้กราฟิก
1. ผังความคิด (A Mind Map) เป็นการแสดงความสัมพันธ์ของสาระ หรือความคิดต่างๆให้เห็นในภาพรวม โดยใช้เส้น คำ ระยะห่างจากจุดศูนย์กลาง สี เครื่องหมาย รูปทรงเรขาคณิตและภาพ แสดงความหมาย และความเชื่อมโยงของความคิด
2. ผังมโนทัศน์ (A Concept Map) เป็นการแสดงความคิดรวบยอดใหญ่ไว้ตรงกลาง และแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ใหญ่และย่อยตาม
ลำดับขั้น ด้วยเส้นเชื่อมโยง
3. ผังแมงมุม (A Spider Map) เป็นการแสดงมโนทัศน์อีกรูปแบบหนึ่ง มีลกษณะคล้ายใยแมงมุม
4. ผังก้างปลา (A fishbone Map) เป็นผังที่แสดงสาเหตุของปัญหาซึ่งมีความซับซ้อน ช่วยทำให้สาเหตุหลักและสาเหตุย่อยชัดเจน


กลุ่มที่5




คำอธิบาย
เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
              การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้เรียน โดยพยายามจะจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล
 เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานร่วมกับผู้อื่น
               ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของผู้สอนอีกประการหนึ่งคือ ผู้สอนเข้าใจว่าการจัดการเรียนการสอนแบบนี้ต้องจัดโต๊ะเก้าอี้ให้ผู้เรียนได้นั่งรวมกลุ่ม โดยไม่เข้าใจว่าการนั่งรวมกลุ่มนั้นทำเพื่ออะไร ความเข้าใจที่ถูกต้องคือ เมื่อผู้เรียนจะต้องทำงานร่วมกัน จึงจัดเก้าอี้ให้นั่งรวมกันเป็นกลุ่ม ไม่ใช่นั่งรวมกลุ่มกันแต่ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง 
การจัดให้ผู้เรียนทำงานร่วมกัน ผู้สอนจะต้องกำกับดูแลให้สมาชิกในกลุ่มทุกคนมีบทบาทในการทำงาน
เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
              ผู้เรียนต้องมีโอกาสนำความรู้ที่เรียนมาไปใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งที่เรียนรู้กับชีวิตจริงจึงต้องเป็นเรื่องเดียวกัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนประยุกต์ใช้ความรู้ได้โดยสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนต้องแก้ปัญหาและนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้

กลุ่มที่6



คำอธิบาย
             การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ความสำคัญกับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนด้วยตนเอง เรียนในเรื่องที่สอดคล้องกับความสามารถและความต้องการของตนเอง และได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่
ความหมายการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
             การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือแนวการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่ละสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยใช้กระบวนการทางปัญญา(กระบวนการคิด) กระบวนการทางสังคม(กระบวนการกลุ่ม) และให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในการเรียน สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ โดยผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เรียน
หลักการพื้นฐานของแนวคิดที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
            การจัดการศึกษามีเป้าหมายสำคัญที่สุด คือ การจัดการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนแต่ละคนได้พัฒนาตนเองสูงสุดตามกำลังและศักยภาพของแต่ละคน การจัดการเรียนการสอนเป็นการจัดการบรรยากาศ จัดกิจกรรม จัดสื่อจัดสถานการณ์ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ
องค์ประกอบและตัวบ่งชี้การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
            ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช2542และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช2545 มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเป็นคนเก่ง ดี และมีความสุข จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ ดังนี้
1.การบริหารจัดการ
            การบริหารจัดการนับว่าเป็นองค์ประกอบที่สนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่สำคัญ โดยเฉพาะการบริหารจัดการของมหาวิทยาลัยที่เน้นการพัฒนาทั้งระบบ การพัฒนาทั้งระบบของมหาวิทยาลัย หมายถึง การดำเนินงานในทุกองค์ประกอบของมหาวิทยาลัยให้ไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือ คุณภาพของผู้เรียนตามวิสัยทัศน์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
2.การจัดการเรียนรู้
            องค์ประกอบหลักที่แสดงถึงการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของการเรียนรู้ บทบาทของผู้สอนและบทบาทของผู้เรียนการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ จะทำได้สำเร็จเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน มีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับความหมายของการเรียนรู้
3.การเรียนรู้ของผู้เรียน
            องค์ประกอบสุดท้ายที่สำคัญและนับว่าเป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือ องค์ประกอบด้านการเรียนรู้ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างจากเดิมที่เน้นเนื้อหาสาระเป็นสำคัญ และสอดคล้องกับองค์ประกอบด้านการจัดการเรียนรู้ ทั้งนี้เพราะการจัดการเรียนรู้ก็เพื่อเน้นให้มีผลต่อการเรียนรู้ ดังนั้น ตัวบ่งชี้ที่บอกถึงลักษณะการเรียนรู้ของผู้เรียนประกอบด้วย
1.การเรียนรู้อย่างมีความสุข
2.การเรียนรู้จากการได้คิดและได้ปฏิบัติจริง
3.การเรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น
4.การเรียนรู้แบบองค์รวมหรือบูรณาการ
5.การเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง

กลุ่มที่7




คำอธิบาย
             การประเมินผลเป็นกระบวนการที่มีส่วนเสริมสร้างความสำเร็จให้กับผู้เรียน และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอน แนวคิดในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่เหมาะสม คือ การวัดและประเมินผลของผู้เรียนตามสภาพจริง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้(30600303)  โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา  ธงพานิช สาขาหลักสูตรและน...