วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

 เมื่อพิจารณาบทบาทของผู้เรียนและผู้สอน  ตามทฤษฎีการเรียนรู้การสร้างความรู้ข้างต้น ผู้เรียนจึงมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง ในฐานะที่เป็นนักสำรวจที่กระตือรือร้น (active discoverers) โดยมีเป้าหมายการเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ (knowledge construction)  จากภายใน  มิใช่ให้ได้มาซึ่งความรู้ (knowledge acquisition) จากภายนอก ครูจะไม่ละทิ้งผู้เรียนให้เรียนรู้เพียงลำพัง แต่จะมีบทบาทเป็น  ผู้กระตุ้นและอำนวยความสะดวก โดยจัดประสบการณ์หรือกิจกรรมเพื่อท้าทายให้ผู้เรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยการปฏิบัติจริง นักเรียนต้องได้รับโอกาสให้ประยุกต์ความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนกับสถานการณ์จริง  ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถในการคิดระดับสูง สำหรับหลักการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการเรียนรู้การสร้างความรู้สามารถสรุปได้ดังนี้ (Hein, 1991: online)

                   1.  การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างกระตือรือร้น (active process) ผู้เรียนใช้ประสาทสัมผัสในการรับข้อมูลและสร้างความหมายจากข้อมูลนั้น  (constructs meaning) มิใช่       การรอรับข้อมูลความรู้ที่ปรากฏหรือ “มีอยู่” อยู่แล้ว 

                   2. บุคคลเรียนรู้ที่จะเรียนรู้ขณะที่กำลังเรียนรู้  (people learn to learn as they learn) การเรียนรู้ประกอบด้วยกิจกรรมที่สำคัญคือ การสร้างความหมาย และการสร้าง “ระบบ” ของความหมาย

                   3.  กระบวนการสร้างความหมายเกิดขึ้นภายในจิตใจ แม้ว่าการได้รับประสบการณ์ตรง (hands-on experience) หรือประสบการณ์ทางภายภาพจะมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนที่อยู่ในวัยเด็ก แต่การรับประสบการณ์ลักษณะนี้ยังไม่เพียงพอ ผู้เรียนจำเป็นจะต้องได้รับประสบการณ์จากกิจกรรมการสะท้อนหรือไตร่ตรองความคิด (reflective activity) ของตนเอง เท่ากับที่ได้รับจากประสบการณ์ตรงอีกด้วย

                   4.  การเรียนรู้ต้องอาศัยภาษา  ภาษาเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้  จากการวิจัยพบว่า บุคคลพูดกับตนเองขณะที่กำลังเรียนรู้  ดังนั้นในการจัดโปรแกรมหรือสื่อต่างๆ ควรที่จะใช้ภาษาแม่เป็นสื่อที่สำคัญ    

                   5.  การเรียนรู้เป็นกิจกรรมทางสังคม (social activity) การเรียนรู้ของปัจเจกบุคคลมีความสัมพันธ์โดยตรงกับพฤติกรรมหรือการแสดงออกของบุคคลอื่นๆ เช่น ครู หรือเพื่อนร่วมชั้น เนื่องจากการศึกษาในรูปแบบเดิม มักจะใช้การจำแนกหรือโดดเดี่ยวผู้เรียนจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับบุคคลอื่นๆ ให้เหลือแต่เฉพาะความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ระหว่างผู้เรียนกับสิ่งที่เรียน ด้วยเหตุนี้  ทฤษฎีการเรียนรู้การสร้างความรู้ จึงเสนอว่า  ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเป็นลักษณะที่สำคัญของการเรียนรู้  ดังนั้นควรส่งเสริมให้ผู้เรียนสนทนาและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

                   6. การเรียนรู้เกิดขึ้นโดยอาศัยบริบท  บุคคลไม่สามารถเรียนรู้ด้วยการแยกข้อเท็จจริง ทฤษฎีหรือสิ่งที่มีลักษณะที่เป็นนามธรรมจากบริบทของชีวิตจริงได้   สิ่งที่บุคคลเรียนรู้มักสัมพันธ์กับความเชื่อ หรือความรู้สึกต่างๆ อันเป็นบริบทชีวิตของแต่ละคน    

                   7.  การเรียนรู้ต้องอาศัยระยะเวลา ทั้งนี้เนื่องจากการเรียนรู้มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยฉับพลันทันที  การเรียนรู้ที่มีนัยสำคัญ ผู้เรียนจะต้องทบทวนความคิด ไตร่ตรองและสะท้อนความคิดพอสมควร และหลังจากที่ไตร่ตรองหรือสะท้อนความคิดในสิ่งที่เรียนแล้ว  ผู้เรียนจะตระหนักว่าเกิดผลผลิตของความคิดที่มีคุณค่า 

                   8.  แรงจูงใจเป็นกุญแจสำคัญของการเรียนรู้  ผู้เรียนจำจะต้องทราบหรือมีความเข้าใจเสียก่อนว่า ความรู้ที่ตนเองสร้างขึ้นจะสามารถนำไปใช้อย่างไร เพราะหากผู้เรียนไม่ทราบว่า   สิ่งที่ตนเองจะต้องเรียนหรือสร้างเป็นความรู้ของตนเองนั้น  เรียนหรือสร้างไปเพื่ออะไรแล้ว  ผู้เรียนก็จะไม่สนใจที่จะประยุกต์ความรู้ที่ตนเองมีอีกต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้(30600303)  โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา  ธงพานิช สาขาหลักสูตรและน...